ยุคติดเปลือก

ยุคติดเปลือก

คนยุคนี้มักให้ความสำคัญกันแต่เปลือก

วัตถุสิ่งของที่ขายๆกันอยู่ เนื้อในจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ
แต่ Package ต้องสวยไว้ก่อน
ใครจะมีพื้นเพอย่างไร ทำอะไรมาไม่สำคัญ
ขอให้ภายนอกดูดี แต่งตัวภูมิฐาน พูดเพราะๆ ไว้ก่อน

แม้แต่ในแวดวงของธรรมเองก็เหมือนกัน
ภายในจะเป็นอย่างไร ทุศีลแค่ไหน ลวงหรอกแค่ไหน ลักจำเขามาอย่างไร ไม่สำคัญ
ขอให้ดูผ่องใส ดูเรียบร้อย ดูมีศีลมีธรรม แต่งขาว แต่งเหลือง พูดเก่ง พูดสนุกไว้ก่อน
โลกก็จะเชื่อถือและนิยมชมชอบ

เมื่อคนเรามันติดกันแต่เปลือกภายนอกเช่นนั้น
มันเลยกลายเป็นยุคที่คนเข้ามาทางธรรม แค่เพื่อทำให้ตนดูดี
เอาธรรมเป็นเครื่องประดับ ไม่ว่าจะเป็นศีล สมาธิ หรือปัญญา
แต่ไม่เคยเอาธรรมไปเปลี่ยนแปลงตน ลดกิเลสตัณหาของตน

เป้าหมายของการศึกษาปฏิบัติธรรม
ก็เพื่อละสิ่งเสื่อมในตน
และเจริญสิ่งดีให้ยิ่งขึ้น
เพื่อเกื้อกูลต่อการปล่อยการวางตัวตนในที่สุด

แต่เรากลับมาศึกษาปฏิบัติเพื่อการได้ ดี มี เป็น
เพื่อได้ชื่อว่า ตนเป็นคนดี ตนสนใจธรรม ตนรู้ธรรม
ทั้งๆ ที่ภายในไม่เคยคิดจะกำจัดสิ่งมัวหมองของตนให้หมดไป

เปรียบเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน
แต่กลับหาเสื้อผ้าสวยๆ มาใส่ทับ เอาแป้งหอมมาประ เพื่อให้ตนดูดี
แล้วมันจะดีไปได้อย่างไร

มันก็เลยเป็นเรื่องน่าเศร้า และทำให้พุทธศาสนาเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว

คนไม่มีศีลแต่ดูภายนอกเรียบร้อย
คนไม่เคยสงบจากอุปธิ แต่นั่งเฉยๆ ได้นาน หรือมีสภาวะแปลกๆ มาคุย
คนไม่เคยรู้แจ้ง แต่พูดเก่ง เขียนเก่ง
กลับกลายเป็นที่เชื่อถือศรัทธาของชาวพุทธในยุคนี้

แล้วมันจะนำพาไปทางไหนกัน

มันจึงขึ้นอยู่กับเรา ว่าเราจะเป็นชาวพุทธแบบใดกัน

ชาวพุทธแบบสกัดเอาแก่นเอาตัวยาไปใช้แก้โรคยึดมั่นถือมั่นของตนได้

หรือจะเป็นแค่ผู้ติดเปลือก หลงอยู่กับสิ่งที่ไร้สาระ ติดอยู่กับสิ่งฉาบทาภายนอก จนไม่สามารถแก้โรคยึดมั่นใดๆของตนได้เลย

Comments are closed.