กิเลสหลอก

กิเลสหลอก

ระดับของกุศลที่เกิดขึ้นจากบุญกิริยาวัตถุทั้ง 3 นั้นจะแตกต่างกัน
คือ จะมีผลให้จิตใจสูงขึ้น เบาขึ้น เข้าใกล้นิพพานได้มากขึ้น ต่างกัน
แต่แม้เป็นกุศล กิเลสก็สามารถที่จะหลอกเราให้ยึดติด และจมอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าได้เสมอ
อันจะมีผลให้เรา ไม่พัฒนา และเสียเวลาจมอยู่กับสิ่งที่มีสาระน้อยกว่าอยู่เป็นประจำ

โพธิสัตว์ทั้งหลาย จะแนะนำให้นักปฏิบัติเร่งพัฒนาตนให้สูงขึ้นๆ เพื่อเข้าสู่พุทธภาวะได้โดยเร็วที่สุด
แต่ปุถุชนทั้งหลาย กลับมีแต่จะพาเราให้ติดจมอยู่กับกุศลต่ำ ๆ เตี้ย ทำให้การพัฒนาของเราเนิ่นช้า

ตัวอย่างของกิเลสที่ลวงหลอกคนวัดนั้นมีอยู่มากมาย

หากจะทำทาน กิเลสก็จะพาให้เราทำแต่วัตถุทาน ก่อสร้าง วิหาร เจดีย์ พระพุทธรูป ฯลฯ ส่วน เมตตาทาน อภัยทาน และธรรมทานนั้น กลับไม่สนใจ และทำไม่เป็น

พอจะเจริญอภัยทาน ก็กลับเป็นการให้อภัยด้วยความถือทิฐิมานะ จิตใจยังยึดอยู่ใน “กูถูกมึงผิด”

พอจะเจริญธรรมทาน กิเลสก็หลอกว่า เป็นแค่เพียงการพิมพ์หนังสือ(ซึ่งเป็นเพียงวัตถุทาน) แทนที่จะขยันเรียนรู้พัฒนาตนเพื่อให้ตนมีธรรม เพื่อไปช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์ต่อไป

พอพัฒนาต่อไปเพื่อเจริญศีล กิเลสก็หลอกสร้างตัวตน หลงยึดติดว่าเราดี เราบริสุทธิ์กว่าผู้อื่น เพราะเรามีศีล

พอจะหัดภาวนา กิเลสก็หลอกว่า เป็นแค่เพียงการสวดมนต์ภาวนา บริกรรม หรือทพสมาธิ

พอจะนั่งสมาธิ ก็หลอกให้เราติดจมอยู่กับนิมิต ปีติสุข และฤทธิ์เดช

พอมาหัดเจริญวิปัสสนา ก็หลอกว่า แค่เพียงเห็นเกิดดับก็พอ

พอจะเข้าถึงไตรลักษณ์ ก็หลอกให้เห็นแค่เพียงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แบบมีตัวตน

หากใจจะพัฒนาเจริญไปขั้นศีล กิเลสก็จะดึงเราไว้ให้ติดจมอยู่แค่ทาน

หากจะพัฒนาต่อไปสมาธิ กิเลสก็จะหลอกเราให้ติดอยู่แค่ศีล

หากจะก้าวสู่ขึ้นวิปัสสนา กิเลสก็จะพาเราติดอยู่แค่สมถะ

พอจะไปสู่พุทธภาวะ กิเลสก็หลอกให้จมอยู่แค่นิพพานในแบบของตน

ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อการติดจมอยู่กับสิ่งที่มีสาระน้อยกว่า แทนที่จะพัฒนาตนให้ยิ่งขึ้น
แล้วก็หลงจมอยู่ว่าตรงนั้นมันดีแล้ว มันพอแล้ว

กิเลสมันชอบพาคนเราติดเปลือก มองอะไรแต่ภายนอก ติดหยาบบังละเอียด แทนที่จะสนใจแก่นแท้อันลึกซึ้ง

จะมองวัดก็มองแต่วิหาร เจดีย์ พระพุทธรูป ความใหญ่โตโอ่อ่า หรูหรา แทนที่จะสนใจความสงบ ร่มรื่น วิเวก สันโดษ

จะมองพระก็มองแต่พรรษา หน้าตา พูดเพราะ ลูกศิษย์ลูกหาเยอะ และพัดยศ แทนที่จะสนใจในความลึกซึ้งของธรรมะที่ท่านสอน

จะมองธรรมก็มองแต่ตัวหนังสือ มองแต่ผู้พูด มองแต่ความเห็นของคนส่วนใหญ่ แทนที่จะพิจารณาด้วยเหตุผลอันความแยบคาย

จะปฏิบัติ ก็ติดใจอยู่แค่สภาวะ แทนที่จะสนใจเรียนรู้ธรรมลักษณะของมันให้ลึกซึ้ง

จะปล่อยวาง ก็ติดจมอยู่แค่ วิขัมภนะ แทนที่จะพัฒนาต่อไปสู่นิสรณะนิโรธ

คนจึงตกจม วนเวียนอยู่กับกุศลต่ำๆเตี้ยๆ ไม่อาจพัฒนาต่อไปได้

แม้มีบุญจะพาเข้าวัด ปฏิบัติ ก็ยังถูกหลอกให้เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ เลยต้องติดคาอยู่กับสังสารวัฏอย่างหาทางออกไม่ได้

โอ้! คนวัดสมัยนี้ ช่างน่า เอน็จอนาจ ใจยิ่งนัก

Comments are closed.