ใส่ใจตนเอง

ใส่ใจตนเอง

ปัญหาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ซึ่งจะเป็นเหตุแห่งทุกข์ได้ในอนาคต เกิดจากสาเหตุหลักๆ คือ
1. การกินแบบไม่แยบคาย
2. การนอนไม่เพียงพอ
3. การออกกำลังกายไม่เพียงพอ
4. ความเครียด

การแก้ไขคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองเสียใหม่ แทนที่จะปล่อยตัวไปตามอำนาจกิเลส ความโลภ โกรธ หลง แต่ให้รู้จักที่จะดำรงตนอยู่โดยธรรม โดยมีบทสรุปย่อ ๆ คือ

1. หัดบริโภคอาหารอย่างแยบคาย ประกอบด้วย

  • รู้จักประมาณในการปริโภค คือ รู้จักว่าร่างกายของเรามีความต้องการแค่ไหนควรต้องได้รับพลังงานเท่าไร ซึ่งเราจะรู้ได้ก็โดยอาศัยการคำนวณเบื้องต้น หาค่า Calorie ที่เราควรจะได้รับก่อน ( คำนวณจาก www.calculator.net) แล้วควบคุมปริมาณและชนิดของอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการของเรา
  • เรียนรู้ค่าพลังงานและค่า GI (Glycemic index)ของอาหารแต่ละอย่างที่เราจะกิน รวมถึงปริมาณคุณค่าทางอาหารที่จะได้รับ(Macro biotic) คือค่า คาร์โบไฮเดรด โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ จากตารางที่แนบมา แล้วเลือกกินให้เหมาะสม
  • สำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี ควรเน้นพลังงานจากไขมันดี มากกว่าใช้พลังงานจาก carb เพราะจะไม่กระตุ้นให้มีการหลั่ง Insulin มากเกินไป (โดยไม่ควรกิน carb เกิน 50 กรัม/วัน ถ้าทำได้)
  • งดเด็ดขาดซึ่ง น้ำตาล ขนมกุ๊บกิ๊บ ขนมหรืออาหารที่ทำจากแป้ง แต่ให้เปลี่ยนมาบริโภค complex carb หรือ คาร์บธรรมชาติที่ไม่ผ่านขบวนการแปรสภาพ ซึ่งมี fiber vitamin เกลือแร่ อยู่ครบถ้วน เช่น ข้างกล้อง มัน ฟักทอง แครอท ฯลฯ
  • ควรมีการเว้นการกินอาหารในบางมื้อ ( Intermittence fasting ) บ้าง สัปดาห์ละ 3 – 5 วัน เพื่อเป็นการให้ร่างการได้ reflesh ตัวเอง ซึ่งอาจจะทำแบบ 16:8 (เว้น16 ชม. กิน ในช่วง 8 ชม.ที่เหลือ) , 18:6 ; 20:4 หรือ 24 ชม.ก็ได้ (หากเว้นแบบ 24 ชม. จะมีผลต่อการ Detoxification และ Autophagy(การเสริมสร้าง Stem cell.ใหม่) ด้วย) แต่ก็ต้องไม่กินอาหารน้อยกว่าปริมาณที่เราคำนวณไว้
  • ไม่กินจุกกินจิก ควรกินเป็นมื้อ ห่างกันประมาณ 4 ชม. ตามแต่โปรแกรมการกินของเราในวันนั้น

2. นอนหลับให้เพียงพอ (ประมาณ 8 ชม.)
เข้านอนก่อน 4 ทุ่ม โดยก่อนนอนควรทำใจให้สงบ อาจจะสวดมนต์นั่งสมาธิก่อน พิจารณาข้อบกพร่องของตนที่เกิดขึ้นในวันที่ผ่านมา เรียนรู้เหตุของมันและหาหนทางแก้ไข เมื่อเสร็จแล้วก็ให้วางสิ่งต่างๆนั้นทิ้งเสียให้หมด ตัดความห่วงกังวลในการงานหรือเรื่องโลกทั้งหลาย คิดราวกับว่า เราจะตายจากโลกอันว่างเปล่าไร้แก่นสารนี้ไปแล้ว แล้วเข้านอนด้วยความโปร่งเบาโดยปราศจากความเป็นคู่ของรู้และสิ่งถูกรู้ใดๆอีก
เมื่อตื่นขึ้นให้ตั้งใจที่จะทำสิ่งดีๆทั้งหลายในวันใหม่ด้วยจิตที่รักเมตตาและกตัญญูต่อทุกสิ่งในโลกนี้

3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ คือ สัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง หรือ วันเว้นวัน ครั้งละไม่ควรต่ำกว่า 30 นาทีหากจะให้ดีควรออกทุกวัน โดยแบ่งเป็นการออกกำลังภายในเช่น โยคะ ไท้ชิ และการออกกำลังภายนอก เช่น weight training , aerobic, cardio ซึ่งรายละเอียดแต่ละอันหากสนใจค่อยมาศึกษาเอา จะไม่กล่าว ณ ที่นี้

4. ทำจิตใจให้ผ่องใสไม่เครียด ซึ่งก็คือสิ่งที่เราเรียนรู้มาทั้งหมดในการปฏิบัติธรรม เราจำต้องฝึกหัดพัฒนา ตน ให้เกิดศรัทธา ความเพียร สติ สมาธิ ปัญญา ให้เพียงพอถึงจะไม่เครียดได้ ด้วยวิธีการอันแยบยลของพระพุทธองค์อันมีมหาสติปัฏฐานสี่เป็นรากฐาน เพื่อกำจัดกิเลสที่มัวหมองภายในใจเราให้หมดไป อันเป็นตัวก่อปัญหาทั้งหมดให้เกิดขึ้น

หวังว่าพวกเราคงจะใส่ใจมองตนกันมากขึ้น อย่ามองว่า การปฏิบัติธรรมคือการนั่งสมาธิหรือฟังธรรมอย่างเดียว การปฏิบัติธรรมคือการเปลี่ยนชีวิตที่เคยตกอยู่ภายใต้อำนาจกิเลส ให้มาดำรงอยู่โดยธรรม เพื่อให้เราสามารถทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นได้มากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
จงพากเพียรด้วยฉันทะและจิตะที่แน่วแน่ อย่าได้เกียจคร้านเลย

Comments are closed.