ความสุขความทุกข์

ความสุขความทุกข์

มนุษย์ทุกคนล้วนอยากจะมีความสุข และเกลียดความทุกข์กันทั้งสิ้น
แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจความจริงของทั้งความสุขความทุกข์และสามารถจัดการกับมันได้เกิดประโยชน์สูงสุด

ความสุขของมนุษย์มีรากฐานอยู่บนความพอใจ
ส่วนความทุกข์ก็มีรากฐานอยู่บนความไม่พอใจ
แต่ทั้งความพอใจและไม่พอใจนั้น ล้วนมีรากฐานมาจากความยึดมั่นถือมั่นอันเกิดจากความหลงของเราเองทั้งสิ้น
เมื่อมีความยึดมั่น ก็มีเครื่องหน่วงเหนี่ยว รัดตรึง เกิดความหนัก ไม่เป็นอิสระ ซึ่งก็คือ ความทุกข์

ไม่ว่าเราจะยึดสิ่งใด ภายในหรือภายนอก รูปหรือนาม หยาบหรือละเอียด หรือแม้กระทั่งความสุขและความทุกข์ ก็ล้วนก่อให้เกิดความหนัก

ความหนักเป็นภาระ เป็นสิ่งที่ต้องแบก เป็นสิ่งที่ทนได้อยาก เป็นเครื่องบีบคั้นจิตใจ
ภาระ ทำให้ใจที่เคยอิสระ สงบเย็นและว่างเปล่า เกิดความอึดอัด ดีดดิ้น ซึ่งนั่นก็คือทุกข์

คนเราเมื่อแบกของหนักๆ ย่อมเกิดความทุกข์บีบคั้น
หากลดน้ำหนักลงได้บ้างมันก็ย่อมเบา
แต่บนความเบานั้น มันก็ยังคือความหนัก แต่เป็นความหนักที่ลดลง
แท้จริงแล้ว ความสุขก็คือความทุกข์ที่ลดลงน้ำหนักลง หรือคือความทุกข์ที่เบาขึ้นเท่านั้นเอง

ดังนั้น ตราบใดที่ยังยึดมั่นถือมั่นในมัน มันก็เป็นภาระที่ต้องแบก
ซึ่งแน่นอน มันย่อมนำไปสู่ความทุกข์

โดยคุณสมบัติแล้ว
ความสุขมีข้อดี คือ ทำให้เรามีกำลังใจ เบิกบานขึ้น ตื่นตัว สดชื่น และผ่อนคลายได้ระดับหนึ่ง
แต่มันก็มีข้อเสีย คือ ทำให้เราประมาทนอนใจ เพลินแช่ ติดจม และง่ายต่อการยึดมั่นถือมั่น ซึ่งเป็นเหตุสำคัญแห่งทุกข์

ความทุกข์เองก็มีข้อดี คือ มันจะทำให้เราตื่นตัว มีสติระแวดระวัง ไม่ประมาทนอนใจ เป็นแหล่งกำเนิดปัญญาและความอดทน
ส่วนข้อเสียของมันก็คือ ทำให้เราหนัก อึดอัด บีบคั้น และยากจะทนได้

แต่โดยธรรมชาติ ทั้งความสุขและความทุกข์ มันมิได้เป็นสิ่งที่จริงแท้อะไรเลย นอกจากเป็นแค่ปรากฏการณ์ อันเป็นผลพวงแห่งการปรุงแต่งอันซับซ้อนของจิต จากประสบการณ์การรับรู้ด้วยความหลงในอดีตเท่านั้น

ดังนั้น มันจึงขึ้นอยู่กับว่า
เราจะฉลาดพอที่จะใช้ข้อดีของมันทั้งสอง และระวังข้อเสียไม่ให้เกิดขึ้น โดยไม่ยึดมั่นถือมั่น เพราะเข้าใจแจ้งชัดในธรรมลักษณะของมันได้หรือไม่

หากเราสามารถทำได้เช่นนั้น ทั้งความสุขและความทุกข์ก็ล้วนจะมีประโยชน์แก่เราและนำพาเราไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ในที่สุด

แต่หากเราทำไม่ได้เช่นนั้น เราก็ย่อมคงอยู่ในสภาพเดิมๆ คือ เกลียดทุกข์อยากสุข ซึ่งแน่นอน มันก็ย่อมทำให้เราเวียนวนอยู่ในภพทั้งสามแห่งความทุกข์ไปเรื่อยๆ อย่างหาทางออกไม่ได้

Comments are closed.