ความดีสามระดับ

ความดีสามระดับ

ความดีที่คนเราทำนั้น มันมีอยู่สามระดับภายใน

  1. การทำดีโดยมีเจตนาซ่อนเร้น คือ การทำดีที่มุ่งหวังบางสิ่งบางอย่างแก่ตัวเรา เช่น เพื่อผลประโยชน์ในลาภ เพื่อคำชม เพื่อให้ผู้อื่นคิดว่าเราดี ฯลฯ
  2. การทำดีด้วยความยึดติด แม้ไม่มีเจตนาซ่อนเร้น แต่ก็ยังมีความยึดติดอยู่ภายใน เช่น ยึดว่าสิ่งที่ทำนั้นมันดีจริง ยึดว่าเราดี ยึดว่าเราเป็นผู้กระทำ
  3. การทำดีที่บริสุทธิ์ คือ จะไม่มีองค์ประกอบใดๆ เลยในสองข้อแรก ไม่มีความมุ่งหวังใดๆ ไม่มีความยึดติดอันใด มันเป็นธรรมชาติที่ออกมาจากใจที่ไร้เจตจำนง แต่ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยถ่ายเดียว

การทำดีในสองข้อแรก ยังเป็นกรรม ยังมีวิบากที่ต้องรับ ไม่ว่าจะเป็นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบาก อันมีผลให้ยังมีการเวียนว่ายตายเกิดอยู่

มีแต่การทำดีในข้อสามเท่านั้น ที่จะไม่เป็นกรรม เรียกว่านอกเหนือกรรมนอกเหนือวิบาก นอกเหนือสังสารวัฏ นอกเหนือนิพพาน พ้นแล้วโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นเมื่อเราทำดี จงมีสติสัมปชัญญะรู้ตัวเองให้ดีๆ เพื่อจะได้รู้เท่าทันว่า ความดีที่เราทำไปนั้นมันอยู่ในระดับไหน ซึ่งมันจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราเป็นอย่างไร และจะรับผลอันใด

เพราะโดยทั่วไปแล้ว มนุษย์ผู้(ติด)ดีทั้งหลาย มักจะพุ่งเข้าไปในความดี โดยไม่รู้จักภายในของตน ไม่รู้แม้กระทั่งเจตจำนงซ่อนเร้นที่ตนมี ผลคือ ความดีที่กระทำจึงกลับให้ผลเป็นอกุศลวิบากแก่ตน…….น่าเศร้าใจยิ่งนัก

ปล. การทำความดีระดับสามจะเกิดได้ ต้องผ่านการฝึกตนทั้งทาน ศีล ภาวนา มาอย่างดี ถูกต้องและยาวนานเท่านั้น จึงจะสามารถเกิดขึ้นได้เองจากภายใน มันไม่ใช่แค่การใช้ความคิดนึก

Comments are closed.