
บนการปรากฏขึ้นของปรากฏการณ์ (2)
หากเธอยังไม่สามารถเห็นแจ้งได้ว่า ปรากฏการณ์ทั้งหลายเป็นเพียงรูป เจตสิก จิต
เธอก็ต้องหัดพิจารณาให้เห็นให้ได้ว่า ปรากฏการณ์ทั้งหลายล้วนเกิดจากจิตนี้เอง
จิตเป็นผู้สร้างคุณค่าและความหมายแห่งปรากฏการณ์ทั้งหมดนั้นขึ้น
ซึ่งการจะเห็นเช่นนั้นได้ เธอก็ต้องมีสติรู้จักเท่าทันรูป เจตสิก และจิตเสียก่อน
ซึ่งแน่นอน เบื้องต้นก็คงต้องหัดรู้ไปทีละอย่าง จนมีความชำนาญและตั้งมั่นพอ
ถึงจะเห็นว่ามันเกิดขึ้นพร้อมๆกัน
หากเธอยังไม่สามารถเห็นได้เช่นนี้อีก
นั่นแสดงว่า แรงดึงดูดของโลกธรรมทั้งหลาย รุนแรงกว่าพละที่เธอมีมากมายนัก
เธอจึงจำเป็นต้องหัดพิจารณา เพื่อตัดทอนความหลงยึดติดในโลกธรรมนั้นออกเสีย
เสริมสร้างความเมตตากรุณาให้มาก
ลดความเห็นแก่ตนโดยเฉพาะทิฐิมานะของตนลงให้เหลือน้อยที่สุด
และหัดคิด พูด ทำ ด้วยจิตที่รักและเมตตาปรารถนาดีต่อผู้อื่น
หากเธอทำได้เช่นนั้น
เธอถึงจะมีความพร้อมพอที่จะฝึกให้ตั้งมั่นอยู่บนการรู้เท่าทันรูป เจตสิก จิต ไปทีละตัว ตามลำดับ
เมื่อเธอชำนาญในการเห็นรูป เจตสิก จิตได้อย่างแคล่วคล่อง
ยามเมื่อเกิดปรากฏการณ์ใดๆปรากฏ ก็ให้ใช้ความชำนาญนั้น ในการมองให้เห็นว่า
ท่ามกลางปรากฏการณ์ที่ปรากฏ ที่เราเคยหลงว่ามันเป็นปรากฏการณ์หนึ่ง
แท้จริงมันก็คือรูป คือเจตสิก และคือจิต
เมื่อเริ่มเห็นได้เช่นนี้ ซึ่งเบื้องต้นเราจะเห็นได้ทีละอย่าง
ก็ให้เราผ่อนคลายจิตลงจนสามารถเห็นได้ว่า
จริงๆแล้ว ขณะที่ปรากฏการณ์นั้นปรากฏ มันก็คือการประชุมกันของ รูป เจตสิก จิต เท่านั้น
เมื่อเธอฝึกได้ถึงตรงนี้ เธอก็พร้อมที่จะเดินวิปัสสนาที่แท้จริงต่อไปได้
นั่นคือสิ่งที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว