ความปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่น

ความปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่น

ผู้ที่ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่นพึงตระหนักไว้ให้ดีว่า
คนเราต่างมีเหตุปัจจัยที่ไม่เหมือนกัน มีความแตกต่างหลากหลายกันไปมากมายตามแต่ละ กาละ เทศะ บุคคล

เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาตนเอง เรียนรู้เลือกสรร ค้นหาวิธีการต่างๆ เพื่อที่จะให้สามารถช่วยเหลือเขาได้

หากเรายังช่วยเขาไม่ได้ เราก็ต้องเรียนรู้ปรับปรุงวิธีการของเราต่อไป

มันไม่ได้อยู่ที่เขา มันอยู่ที่เรา
ว่ามีความเข้าใจแยบคายในกาละ เทศะ บุคคลนั้นๆพอรึยัง

อย่าไปหลงยึดว่า คนนั้นโง่ คนนั้นแย่ คนนั้นอ่อนแอ แล้วท้อถอย ถอดใจเลิกช่วยเหลือ
ทั้งหมดมันอยู่ที่เรายังมีปัญญาไม่พอต่างหาก เรายังไม่เข้าใจเขาดีพอ ยังไม่แยบคายในกาละ เทศะ บุคคล ที่ปรากฏ

ยิ่งหากเลยไปถึง เราเกิดความเกลียดชังขึ้น นั่นก็ยิ่งแสดงว่า เราเองนั่นล่ะอ่อนแอหลงทำไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นทั้งสิ้น

การช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจที่บริสุทธิ์ ย่อมเป็นไปโดยปราศจากความยึดมั่นถือมั่น
ไม่ว่าจะเป็น
ยึดมั่นในผล คาดหวังในผล
ยึดมั่นว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งดี
ยึดมั่นว่าเราเป็นผู้กระทำดีนั้น
ยึดมั่นว่าเราเป็นคนดี เพราะได้ทำสิ่งนั้น

ทั้งหมดล้วนคือ ความหลง ความไม่เข้าใจความเป็นกระแสแห่งเหตุปัจจัย
อันจะมีผลให้เราต้องทุกข์เพราะการช่วยเหลือนั้น และอาจก่อให้เกิดมานะตามมา

เข้าทำนอง
ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอหลาวๆไปก็เลยกลายเป็นบ้องกัญชา

เริ่มต้นจากความรักความปรารถนาดี พอปรุงแต่งด้วยความยึดมั่นถือมั่นมากขึ้นๆ ก็เลยกลับลงเอยกลายเป็นความเกลียดชัง ทะเลาะเบาะแว้ง อันเป็นเรื่องน่าเศร้ายิ่งนัก

นักปฏิบัติผู้ปรารถนาจะช่วยเหลือผู้อื่น
จงอย่าได้เผลอปล่อยใจของตนไปกับการปรุงแต่งจนเป็นเช่นนั้นเลย

Comments are closed.