ฉลาดใช้ชีวิต

ฉลาดใช้ชีวิต

ชีวิตจะเป็นสิ่งล้ำค่าหรือเป็นเรื่องไม่เข้าท่า
ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ปัญญาหรือความโง่เขลา
เกิดและตายเป็นเพียงมายา
หากโง่เขลาก็ต้องก่อกรรมและรับกรรมวนเวียนอย่างไม่รู้จบ

การได้ การเสีย ก็เป็นเพียงมายาที่จิตปรุงแต่งขึ้นเอง
ใยต้องปรุงความดีใจหรือเสียดายเพิ่มขึ้นไปอีก ให้จิตมันหนักหน่วง

ไม่มีอะไรที่ใครจะจับฉวยไว้เป็นตัวตนของตนได้
เพราะแม้ตัวตน รูปนาม ก็มิใช่สิ่งจริงแท้

หากโง่เขลาก็หลงตระหนี่ถี่เหนียว เห็นแก่ตัว ลุกลามไปจนก่อกรรมหนัก
ต้องทุกข์ทรมานทั้งภายในและภายนอก

หากฉลาดขึ้นมาหน่อย ก็ใจดี รู้จักให้ รู้จักแบ่งปัน
แต่ก็หลงยินดี ยึดดี ติดในความดี ติดความสุข ติดความสบาย
มันก็เลยต้องเวียนว่ายอยู่อย่างไม่รู้จักจบสิ้น

หากยังหลงอยู่ก็ต้องเวียนว่ายอยู่ในวังวนแห่งมายา
เมื่อหลงมายาก็มีตัวตนและของตน

เมื่อยังหลงอยู่ในความเป็นตัวตนของตน มันเป็นอันตรายมาก หากยังหลงคิดอีกว่า เราเกิดหนเดียวตายหนเดียว
แม้คิดได้ว่าเราจะต้องรับกรรมจากตัวตนอื่นที่เราไม่รู้จักในชาติก่อนๆ
แต่กรรมในปัจจุบันนั้นให้ผลรุนแรงก่อนอันอื่นเสมอ
หากยังหลงว่ามีเราที่เกิดหนเดียวตายหนเดียว
ความประมาท นอนใจ และความยึดติดในตัวตนก็ยังคงอยู่
แม้มันจะเป็นตัวตนที่แยกส่วนคนละตัวจากชาติอื่นๆ
แต่กรรมในตัวตนนี้ชาตินี้และวิบากที่ต้องรับก็รุนแรงเกินพอแล้ว

ความไม่มีตัวตนจึงไม่ใช่เรื่องชาตินี้ชาติหน้า
หากยังมีตัวตนชาตินี้ที่แยกส่วน คนละตัวคนละฝากับตัวตนชาติก่อน
นั่นมันก็ยังหลงตัวตนอยู่เต็มๆเหมือนเดิม

ชีวิตคือธรรมชาติแห่งเหตุปัจจัยอันบริสุทธิ์
ชาติ ชรา มรณะ ล้วนเป็นมายาของความหลง
และเพราะความหลงไม่เข้าใจความจริงของชีวิต
จึงปรุงแต่ง ยึดมั่นสร้างตัวตนของตน และทำตนให้ทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ผู้มีปัญญาสามารถใช้ชีวิตนี้ได้อย่างคุ้มค่า เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านอันสูงสุด

แต่ผู้เขลากลับไม่เข้าใจ เลือกเดินไปในหนทางแห่งทุกข์
พวกหนึ่ง ใช้ชีวิตนี้สร้างกรรมให้กับตนเองทำให้ตนต้องเวียนว่ายอยู่ในกองสุขกองทุกข์อย่างหาทางออกไม่ได้

อีกพวกหนึ่ง หลงคิดว่า เกิดหนเดียวตายหนเดียว สิ่งที่กูทำตอนนี้ กูไม่ต้องรับในชาติหน้า ตัวตนอื่นใครก็ไม่รู้ ไม่เกี่ยวกับกู มารับแทน ก็เลยใช้ชีวิตไปตามอำเภอใจ สร้างเหตุแห่งทุกข์อย่างมากมาย

อีกพวกหนึ่ง รังเกียจชีวิต ไม่อยากเกิดอีก อยากจะไปให้พ้นๆ เลยดิ้นรนสร้างกรรมเพื่อให้ตนหลุดพ้น แต่เพราะความไม่เข้าใจความเป็นมายาของชีวิต ติดอยู่ในความหลงตน เวียนวนไปทางด้านลบ มันก็เลยต้องเวียนว่ายอยู่อีกเช่นเดิม

อย่าได้มองความเป็นเราหรือตัวตนของเราแค่เพียงที่รูปกาย
นั่นเป็นสิ่งหยาบมาก
แท้จริงความเป็นเรามันฝังลึกอยู่ในจิต
แม้เธอเห็นกายนี้ไม่ใช่เรา แต่หากยังไม่เห็นจิตว่าไม่ใช่เรา
ภพทั้งสามก็ยังเป็นที่ไปของเธออยู่ดี

แม้เธอเห็นกายจิตนี้ไม่ใช่เรา แต่ยังมีความหลงว่ามันมีอยู่จริง
เธอก็ยังมีที่เกิดอยู่ดี

แต่หากเธอเซไปอีกด้าน
กลับเห็นว่ารูปนามเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่
นั่น! ภพอันน่าสะพรึงกลัวกำลังเปิดรับเธออยู่

แม้เธอเห็นว่ากายจิตนี้เป็นเพียงมายา
ไม่ใช่จริงและไม่จริง
แต่เธอยังยึดอยู่ในความเห็นนั้น
ภพอันยาวนานอันออกได้ยากยิ่ง ก็จะขังเธอไว้

สังขารทั้งหลายล้วนลวงหลอก ยอกย้อน ซับซ้อน ยิ่งกว่าเกมส์กลของนักต้มตุ๋น
ไม่หลงยึดอันหนึ่ง ก็ไปหลงยึดอีกอันหนึ่งจนได้
เพราะมันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากกรรมที่เธอได้สร้างสมไว้นานนับกัป

ดังนั้น จงพากเพียรเรียนรู้ให้มาก
เพื่อละสิ่งเสื่อมทั้งหลายให้หมดสิ้น แม้ความหลงอันน้อยนิด
และจงเจริญสิ่งที่เป็นกุศลให้ยิ่งขึ้นไปอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน
ปล่อยวางทุกสิ่งไม่ว่าจะมีคุณค่าความหมายอย่างไร ด้วยความแจ้งชัดในความเป็นมายาของมัน
แล้วชีวิตจะกลายเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับตัวเธอเองและโลกทั้งสาม ไม่ใช่เรื่องไม่เข้าท่าอีกต่อไป

Comments are closed.