สัมมาทิฐิ
ทำไม มรรค ต้องเริ่มต้นที่สัมมาทิฐิ?
เพราะคนเรามาจากความหลง
เพราะหลงจึงยึดมั่นถือมั่น
เมื่อยึดมั่นถือมั่น จึงทุกข์
ดังนั้น หากยังมีความเห็นผิด ย่อมไม่มีทางพ้นทุกข์
แล้วสัมมาทิฐิจะมาจากไหน ?… อ่านต่อ
ทำไม มรรค ต้องเริ่มต้นที่สัมมาทิฐิ?
เพราะคนเรามาจากความหลง
เพราะหลงจึงยึดมั่นถือมั่น
เมื่อยึดมั่นถือมั่น จึงทุกข์
ดังนั้น หากยังมีความเห็นผิด ย่อมไม่มีทางพ้นทุกข์
แล้วสัมมาทิฐิจะมาจากไหน ?… อ่านต่อ
สิ่งหนึ่งที่เราต้องฝึกให้มากคือ “ความเป็นกลางในคำพูดของคน”
มันเป็นเพราะคนเรายังยึดติดในคำชมคำด่า อยากดีกลัว(เขาว่า)ไม่ดี มันเลยทำให้ใจเราไม่เป็นอิสระ และทำให้เราหวั่นไหวยามเมื่อคนอื่นเข้าใจการกระทำของเราต่างออกไป
เราจึงจำเป็นต้องพิจารณาและฝึกใจให้มากดังนี้
1. มองให้เห็นว่า การที่ใครจะชมจะด่า มันเอาแน่อะไรไม่ได้ ใครชอบใครถูกใจตอนนั้น เขาก็ชม ใครไม่ชอบไม่ถูกใจเขาก็ด่า เวลาสถานที่เปลี่ยนไปคนๆเดียวกันก็อาจเปลี่ยนใจไปได้
ดังนั้นจงอย่าได้เกลียดคนที่ด่าหรือรักคนที่ชมเลย มันไม่มีอะไรที่เป็นแก่นสารให้จับฉวยไว้… อ่านต่อ
ขอทบทวนอีกที ในหลักการพิจารณา หลายคนไม่เข้าใจและทำกันผิดๆ ไม่เพียงไม่เกิดประโยชน์ แต่กลับส่งเสริมอัตตา
1. เราควรจะพิจารณาในเรื่องที่ทำให้เราหวั่นไหวตามลำดับก่อนหลังคือ รุนแรง นาน และบ่อย
2. ต้องพิจารณาให้เห็นว่า เรายึดอะไรถึงหวั่นไหวเช่นนั้น และสิ่งที่ยึดมันยึดไม่ได้อย่างไร
3. ควรใช้เหตุผลที่ใช้แก้ให้เหมาะสมกับกิเลส(ธัมวิจยะ)
เรื่องหยาบทางโลก ก็ควรใช้เหตุผลหยาบๆ เรื่องละเอียดก็ต้องใช้เหตุผลที่ละเอียด
และจะต้องแก้เรื่องหลงหยาบๆให้เบาบางก่อน
ไม่ใช่จะรีบกระโดดข้ามไปแต่พิจารณาขันธ์ห้าด้วยไตรลักษณ์หรือสุญญตา ทั้งๆที่ช่วงนั้นตนยังเต็มไปด้วยอุปกิเลส… อ่านต่อ
ประสบการณ์ทุกอย่าง ย่อมถูกเปลี่ยนเป็นปัญญาได้ เมื่อเราสามารถ เปิดใจ เรียนรู้ ยอมรับมันด้วยความอดทน
แท้จริงทุกสิ่งเป็นเพียงภาพมายา เราจึงไม่ต้องไปอะไรๆท่ามกลางการปรากฏของมัน
แต่บนความเป็นมายานั้น มันก็มีสมมุติอันเป็นมายาซ้อนอยู่ เราจึงต้องเรียนรู้และจัดการมันให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกคน
แต่บนการจัดการเพื่อประโยชน์ ก็ต้องปราศจากการยึดติดใดๆทั้งสิ้น… อ่านต่อ
การพิจารณาใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโลกธรรม เรื่องธรรมคู่ หรือแม้กระทั่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สุญญตา
มันเป็นการพิจารณาเพื่อให้เห็นแจ้งในความจริงตามเป็นจริง
ผลแห่งการพิจารณาคือจิตใจมันยอมรับ
มันยอมรับเพราะมันเห็นว่า มันเป็นธรรมดาอย่างนั้นเอง ใครไปเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
เมื่อเห็นความเป็นธรรมดาเช่นนั้น จิตก็จะคลายตัวออกจากความยึดติดของมันเอง… อ่านต่อ
ทำไมคนเราถึงหลงรักหลงเกลียดสิ่งต่างๆเล่า
ก็เพราะคนเราหลงยึดในความพึงพอใจและความไม่พึงพอใจที่ปรากฏ
แล้วทำไมคนเราถึงหลงยึดมั่นในความพอใจไม่พอใจที่ปรากฏนั้น
โดยภายนอกเพราะเราหลงยึดมั่นความหมายและคุณค่าที่เราปรุงแต่งขึ้นเองต่อสิ่งนั้น ว่ามันจริงๆเช่นนั้น
ในขณะเดียวกัน โดยภายในเราก็หลงยึดในอารมณ์ที่พอใจหรือไม่พอใจนั้นโดยความเป็นตัวตนของตน
เมื่อสองอัตตาเกิดขึ้น ทุกสิ่งก็ดูจริงไปหมด… อ่านต่อ
เพราะไม่เห็นแจ้งในสภาพดั้งเดิมอันว่างเปล่าจากความเป็นตัวตนใดๆ จึงเกิดอวิชชาความหลงในความเป็นตัวตน
เพราะมีอวิชชาความหลงโดยความเป็นตัวตน จึงก่อเกิดอัตตาทิฐิ อันเป็นพื้นฐานในการรับรู้ของสัตว์
เพราะมีอัตตาทิฐิ เป็นพื้นในการรับรู้ จึงนำไปสู่อัตตานุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่นโดยความเป็นตัวตน
ตัวตนจึงแบ่งได้หลายระดับ จากภายในสู่ภายนอก จากการปรุงแต่งที่ละเอียด สู่การปรุงแต่งอันซับซ้อนหยาบและใหญ่โต
ความทุกข์ก็จะรุนแรงขึ้นตามระดับแห่งการปรุงแต่งความเป็นตัวตนนั้นด้วย… อ่านต่อ
ปัญหาของการสลายกรอบแห่งอัตตาตัวตนที่สำคัญคือเราไม่รู้เท่าทันความเป็นจริงยามเมื่อมันปรากฏ
นักปฏิบัติน่าจะเคยได้ยินและพิจารณามากันพอสมควรแล้วว่า สิ่งทั้งหลายไม่ควรยึดมั่นถือมั่นโดยความเป็นตัวตน
(หากยังไม่เคยก็หัดไปศึกษาพิจารณาเสียก่อน ให้จิตมันยอมรับให้ได้)
แต่แม้พิจารณาได้ จนเกิดความเข้าใจแจ่มชัด จนคิดว่าจิตมันยอมรับแล้ว นั่นมันยังเป็นของปลอม มันยอมรับได้แค่ความคิด หรือที่เราเรียกว่า ปัญญาสัญญา
เราจึงต้องนำความรู้ความเข้าใจหรือสัญญานั้นมาภาวนาอีกทีหนึ่ง
การภาวนานั้นแยกออกอีกเป็นสอง คือ… อ่านต่อ
มนุษย์หลงเข้าไปหมายมั่นในปรากฏการณ์แห่งเหตุปัจจัยนั้น แล้วให้ความหมายให้คุณค่าแก่มัน บนพื้นฐานแห่งความหลงเดิมๆของตน
เมื่อหลงหมายมั่นก็ยึดมั่นถือมั่นมันว่าเป็นจริงๆ เช่นนั้น สร้างกรอบแห่งอัตตาตัวตนอันแข็งกร้าวขึ้น
และหากยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ก็ปรุงแต่งต่อเติมด้วยสัญญาความหลงเดิมๆสร้างความยึดมั่นอันรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆจนกลายเป็นทิฐิมานะ สร้างตัวกูอันใหญ่โตขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนั้น ตนก็จะถูกขังไว้ในโลกอันคับแคบและบอบบางที่ตนได้หลงสร้างขึ้นเอง
กระแสเหตุปัจจัยถูกกลบเกลื่อน เหลือแต่สิ่งเดี่ยวๆที่จริงแท้ และกรอบแห่งตัวตนอันแข็งกร้าวมากมาย… อ่านต่อ
ผลหนึ่งของการปฏิบัติธรรมก็คือ
การยอมรับโลกตามเป็นจริง
และสามารถสอดคล้องกับมันให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้
แต่การที่คนเราจะยอมรับเช่นนั้นได้ มันไม่ใช่ง่าย มันขึ้นอยู่กับความหลงที่เขายึดและกำลังบารมีที่เขามี
ดังนั้นเราจึงต้องพากเพียรเสริมสร้างบารมีเพื่อให้มีกำลังพอที่จะสอดคล้องกับความจริงของโลกให้ได้… อ่านต่อ